การปฏิวัติอิสลาม ขบวนการสานต่อการปฏิวัติสากลของเหล่าศาสดา
ขบวนการและการเคลื่อนไหวต่างๆ ทางความคิดและทางสังคมที่บรรดาศาสดาได้ทำให้เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์นั้น ถือเป็นขบวนการและการเคลื่อนไหวที่บริสุทธิ์ที่สุด, เก่าแก่ที่สุดและเป็นอมตะที่สุดในบรรดาการเคลื่อนไหวทางความคิดและทางสังคมในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ผู้คนของพระเจ้า ด้วยกับการอิงอยู่กับคำสอนเกี่ยวกับเตาฮีด, การปลุกปัญญาและธรรมชาติบริสุทธิ์ของมนุษย์, การสนธิพลังและแรงบันดาลใจที่บริสุทธิ์และมีรากเหง้าอยู๋ในหัวใจและปัญญาของมนุษย์นั้น มิเพียงแต่จะสามารถปลุกเร้าให้สังคมลุกขึ้นต่อต้านการกดขี่และความเสื่อมสายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ลุกขึ้นต่อต้านตัวตนที่เทียมเท็จที่อุปโหลกขึ้นของตนเองด้วยเช่นกัน

ในการปฏิวัติมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรตท้ายๆ ในประเทศต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นด้วยกับแรงบันดาลใจทางชนชั้นทางสังคม, การแสวงหาประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ทางสังคม หรือ การโค่นระบอบการปกครองเดิม ด้วยเหตุนี้ ระบอบที่เกิดขึึ้นหลังจากการปฏิวัติสำเร็จ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการสานต่อการกดขี่ และเป้าหมายที่อธรรมของผู้คนก่อนหน้านี้ในรูปแบบใหม่ที่ตบตาผู้คน แต่การปฏิวัติที่เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ด้วยมือของบรรดาศาสดานั้น มีรากเหง้าอยู่ในธรรมชาติบริสุทธิ์แห่งเตาฮีดของมนษย์และอิงอยู่กับแรงบันดาลใจทางศาสนาของมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เปลี่ยนเป็นการปฏิวัติที่ต่อต้านตนเองและยังคงเป็นแสงสว่างสำหรับโลกที่เต็มไปด้วยการกดขี่และความอธรรมในปัจจุบัน
การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านโดยการนำของท่านอิมามโคมัยนีย์ คือการปฏิวัติที่สานต่อการปฏิวัติสากลของเหล่าศาสดา ขบวนการของอิมามโคมัยนีย์ เป็นขบวนการที่อิงคำสอนทางศาสนาและอิงฟิกฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ซึ่งสิ่งนี้ศัตรูต่างรู้ดีแต่แกล้งโง่เขลา และมุสลิมบางส่วนก็เขลาและขาดความรู้ที่แท้จริงถึงหลักการและรากเหง้าทางความคิดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
การศึกษาวัฒนธรรมชีอะฮ์ให้ลึกซึ้งและครอบคลุมนั้น จะทำให้เป็นที่กระจ่างชัดสำหรับทุกคนว่า “การปฏิวัติ” ในนิยามที่หมายถึง การโจมตีฐานทางการเมืองและทางสังคม

ของระบอบของผู้กดขี่นั้น มีอยู่ในคำสอนและค่านิยมทางศาสนาของสำนักคิดชีอะฮ์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งการลุกขึ้นต่อต้านการกดขี่และการเผด็จการครั้งแรกนั้น เริ่มต้นโดยท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) หลังจากนั้น ด้วยกับสาวกของท่าน เช่น อะบูซัรและคนอื่นๆ การต่อสู้อย่างเปิดเผยและเป็นตัวกำหนดชะตากรรมทางประวัติศาสตร์ของอิมามฮุซัยน์ (อ) กับรัฐบาลและการปกครองของยะซีด ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการปฏิวัติอิสลามที่บริสุทธิ์ ซึ่งเราอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า การปรากฏตัวขึ้นมาของศาสนาอิสลาม (รวมทั้งศาสนาอื่นๆ) นั้น มิได้เพื่ออื่นใดนอกจากการปฏิวัติต่อต้านความเขลา, การกดขี่, ความอธรรม, และการเผด็จการ ด้วยเป้าหมายเพื่อการสถาปนาและความมีเสถียรภาพของการปกครองอันเที่ยงธรรมของพระเจ้า
ชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามอิหร่านโดยการนำของท่านอิมามโคมัยนีย์นั้น ถือเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดของศตวรรษที่ ๒๐ ในภูมิภาคและในโลก ในลักษณะที่ว่านักการเมือง, นักวิเคราะห์และนักคิดส่วนมากทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตกได้กล่าวยอมรับด้วยอาการช๊อคและความเหลือเชื่อต่อผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัตินี้ว่า การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลยิ่งนี้ เป็นการปฏิวัติที่ไร้คู่แข่ง ไม่มีใครเหมือน และไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการปฏิวัติอื่นๆ ได้

การเปลี่ยนแปลงทฤษฐีและกระบวนทัศน์ทางปรัชญา, ทางสังคม และทางการเมืองที่มีอยู่ในโลกก่อนการปฏิวัติอิสลาม
เป็นไปได้ว่ารากฐานของความอธรรมของเหล่ากษัตริย์จะสูญสิ้นไปหลังจากเวลาผ่านไป ๑๔ ศตวรรษ และอัลฮัมดุลิลลาฮ์มันก็ได้จบสิ้นลงแล้ว
อิมามโมัยนี
ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๗ ยุคกลางในยุโรป กระบวนทัศน์ทางปรัชญา ทางสังคมและทางการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป อาทิเช่น “ความรู้ ทำให้พระเจ้าไม่มีงานทำ และเอาพระองค์ไปไว้ในมุมอับ”
“พระเจ้าเป็นเหตุหนึ่งเคียงข้างมูลเหตุปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลอยู๋ในโลกนี้”
“สิ่งใดที่ยังไม่รู้สาเหตุ ก็บอกว่าเป็นงานของพระเจ้าไปก่อน แต่เมื่อรู้สาเหตุทางธรรมชาติของมัน ขอบเขตงานของพระเจ้าก็จะค่อยๆ แคบลง”
นิวตัน (ศตวรรษที่ ๑๘) – ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับโลกนั้น เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างช่างทำนาฬิกากับนาฬิกา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากแนวคิดในยุคกลางที่จำกัดพระเจ้าไว้ในสิ่งที่ไม่รู้สาเหตุของมัน
โอกุสต์ กงต์ (Auguste Comte, 1798 – 1857 ) ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิปฏิฐานนิยม Positivism ในศตวรรษที่ ๑๙ โดยปรัชญาลัทธินี้มีความเชื่อว่า ความจริงแท้จะต้องมีการพิสูจน์ได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เอาพุทที่ได้มาจากประสบการณ์ที่ผ่านประสาทสัมผัสเท่านั้นที่ถือว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้
Bertrand Arthur William Russell นักปรัชญาแนวหน้าในศตวรรษที่ ๒๐ ได้เขียนถึงการไม่เป็นคริสเตียนของตนว่า คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ใครสร้างพระเจ้า” ทำให้เขาเชื่อว่าการเป็นองค์ปฐมเหตุของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องโกหก
ในโลกตะวันตกได้มีการแพร่กระจายแนวคิดที่ว่า การยอมรับอำนาจการปกครองของศาสนาในสังคมนั้น มีความหมายเท่ากับการสิ้นเสรีภาพโดยสมบูรณ์ของมนุษย์ และเท่ากับการสถาปนาการปกครองแบบเผด็จการของบุคคลที่ถือว่าตนเองเป็นผู้ปกครองมนุษย์ที่มาจากพระเจ้า ดังนั้น หากยอมรับพระเจ้า ก็ต้องยอมรับอำนาจเผด็จการด้วยเช่นกัน จึงทำให้ผู้คนปฏิเสธพระเจ้า นอกจากนี้ ยังมีลัทธิเสรีนิยม และคอมิวนิสต์ ถึงแม้จะแตกต่างกันในรายละเอียด แต่มีเนื้อหาหลักเหมือนกัน คือ การแยกพระเจ้าออกไปจากชีวิตของมนุษย์นั่นเอง
การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้อุบัติขึ้นท่ามกลางแนวคิดเหล่านี้ และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ๔๒ ปีบริบูรณ์แล้วที่ศาสนาสามารถมีที่ยืนและบทบาทในแง่มุมต่างๆ ของชีวิตมนุษย์และสังคมได้ ดังนั้น การปฏิวัติอิสลามจึงช่วยทุกศาสนาให้รอดพ้น
ผลที่สอง การเปลี่ยนแปลงดุลย์อำนาจทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก การทำให้ระบอบสองขั้วอำนาจที่ปกครองโลกอยู่ในขณะนั้นถึงกับช๊อคและตั้งตัวไม่ติด
ผลที่สาม การต่อสู้กับไซออนิสต์สากล
ผลที่สี่ การฟื้นฟูค่านิยมและแนวคิดอิสลามอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ)
ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของอิทธิพลและผลพวงที่น่าประหลาดใจที่การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของคนรากหญ้านี้ได้ทิ้งไว้
องค์ประกอบหลากหลายที่มีส่วนทำให้การปฏิวัตินี้เกิดขึ้นและยิ่งใหญ่ และเป็นการระเบิดขึ้นของนูรรัศมี แต่ผู้เขียนเชื่อว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุด ได้แก่ วจนะของท่านอิมามศอดิก (อ) ที่ว่า
قال الصادق ع: فَلَمَّا وُلِدَ رَسُولُ اللَّهِ ص …. ارْتَجَسَ فِی تِلْکَ اللَّیْلَةِ إِیوَانُ کِسْرَى
พระราชวังที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาซซานียะฮ์แห่งเปอร์เซียได้สร้างขึ้นเกิดการสั่นไหว
وَ سَقَطَتْ مِنْهُ أَرْبَعَ عَشْرَةَ شُرْفَةً
เฉลียงหน้าต่างพังร่วงลงมา ๑๔ เฉลียง
وَ غَاضَتْ بُحَیْرَةُ سَاوَةَ
ทะเลสาปสอเวะฮ์แห้ง
وَ فَاضَ وَادِی السَّمَاوَةِ
وَ خَمَدَتْ نِیرَانُ فَارِسَ وَ لَمْ تَخْمُدْ قَبْلَ ذَلِکَ بِأَلْفِ عَام
ซึ่งรหัสยะของวจนะบทนี้่ ท่านอิมามโคมัยนีย์ ได้กล่าวไว้ในศอฮีฟะฮ์ อิมาม เล่ม ๑๙ หน้า ๔๓๒ และ ๔๓๕ ว่า
“ในวันเกิดของรอศูลุลลอฮ์ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น ที่ได้รับการรายงานไว้ในริวายะฮ์ของชีอะฮ์และอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ต้องพิจารณาและตรวจสอบว่ามันคืออะไร เช่น การพังลงมาของเฉลียงหน้าต่าง ๑๔ เฉลียงของวังที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ราชวงศ์ซาซซานียะฮ์ การที่ ๑๔ เฉลียงหน้าต่างของวังแห่งความอธรรมพังลงมานั้น พวกท่านไม่คิดหรือว่ามันหมายถึงว่าในศตวรรษที่ ๑๔ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น? หรือ ๑๔ ศตวรรษหลังจากท่านศาสดาเกิดสิ่งนี้จะอุบัติขึ้น ? เป็นไปได้ว่ารากฐานของความอธรรมของเหล่ากษัตริย์จะสูญสิ้นไปหลังจากเวลาผ่านไป ๑๔ ศตวรรษ และอัลฮัมดุลิลลาฮ์มันก็ได้จบสิ้นลงแล้ว“
อิมามกำลังบอกว่า การพังลงมาของเฉลียงหน้าต่างทั้ง ๑๔ ในคืนวันเกิดของท่านศาสดานั้น หมายถึงว่า หลังจากเวลาผ่านไป ๑๔ ศตวรรษ ศาสนาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) จะถูกนำมาปกครองอย่ในสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั่นเอง
แหละนี่แหละ คือความยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน รวมทั้งความยิ่งใหญ่ของท่านอิมามโคมัยนีย์